แลกเปลี่ยนสิ่งของ สิ่งที่จำเป็นอย่างเท่าเทียมกัน ในการดำรงชีวิตอยู่เราจำเป็นต้องมีปัจจัยสี่ และเด็กๆ ทุกคนต้องการได้รับการศึกษา ในสังคมปัจจุบันเราเห็นคนที่มั่งคั่งและยากจน แต่ไม่ควรมีคนยากจนไม่มีอาหารรับประทาน ในขณะที่บางคนทิ้งขว้างอาหารเหล่านั้น ลูกของคนมีฐานะอาจมีโอกาสในการศึกษามาก แต่คนทั่วไปก็ควรได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วยเช่นกัน หากคนในสังคมไม่ได้รับพื้นฐานเหล่านี้ พวกเขาย่อมเป็นทุกข์ เราจึงไม่ควรแบ่งแยกคนรวยและคนจน แต่มองว่าทุกคนเป็นสมาชิกของสังคม ทุกคนควรได้รับปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้มีชีวิตอยู่ได้ 3. เคารพกฎเกณฑ์ในการอยู่ร่วมกัน กฎในการอยู่ร่วมกันช่วยให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างปลอดภัย เช่น ขับรถเมื่อพบไฟแดงต้องหยุด หากเราทุกคนฝึกปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว เราจะไม่มีการคอรัปชั่น การฉ้อราษฎร์บังหลวง และทุกคนควรมีสิทธิได้รับการคุ้มครองเช่นนั้น ในสังฆะแห่งการปฏิบัติ ข้อนี้อาจเรียกสิ่งนี้ว่าศีลหรือวินัย เรามีวินัยไม่ทานอาหารในห้องนอน ยกเว้นในกรณีที่เราป่วยหรือได้รับหน้าที่จากสังฆะ เมื่อหลวงน้องเห็นหลวงพี่ทานอาหารในห้อง หลวงน้องสามารถเตือนหลวงพี่ได้ นั่นหมายความว่า ไม่ว่าเราจะอาวุโสมากหรือน้อย เราควรปฏิบัติตามข้อบังคับนั้น 4.
พิเชฐ นุ่นโต นักวิจัยโครงการ "การศึกษาแนวทางการบริหารจัดการความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่าบนฐานชุมชนมีส่วนร่วม อธิบายถึงพัฒนาการการจัดการความขัดแย้งฯว่า งานวิจัยสามารถดึงคนในพื้นที่ความขัดแย้งมามีส่วนร่วม เริ่มจากปี 2540-2545 เป็นระยะเวลา 5 ปี ที่ชุมชมเกิดการทำงานร่วมกัน โดยการนำปัญหาที่ประสบมาแชร์และหาแนวทางในการแก้ปัญหา เช่น กุยบุรี สลักพระ ป่าตะวันออก แก่งกระจาน ทองผาภูมิฯ ส่วนปี 2546 เกิดการทำงานในลักษณะภาคีเครือข่ายระหว่าง ชุมชน สกว. และ มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าฯ ร่วมกันวางระบบการเฝ้าระวัง และ เก็บข้อมูล ประวัติศาสตร์ช้างป่า ปี2547-2550 เกิดงานวิจัยและการแก้ไขปัญหาบนฐานชุมชนมีส่วนร่วม โดย สกว.
การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ในสังคมพหุวัฒนธรรม การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ในสังคมพหุวัฒนธรรม
ข่าวชุมนุมประท้วงทางการเมืองติดต่อกัน มานาน ทำให้มีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจ ท่ามกลางความคิดเห็นที่แตกต่างกันนี้ เราจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้อย่างไรเป็นอีกคำถามหนึ่งที่หลายคนกำลังครุ่นคิด ภิกษุธรรมทูต หรือภิกษุฟับคำ จากหมู่บ้านพลัม ประเทศฝรั่งเศส กล่าวปาฐกถาธรรม "สู่สังคมอันสมดุล" ว่า เราสามารถนำความสงบสันติมาสู่สังคมได้ ด้วยการสร้างสันติภาวะในใจของเรา และนำหลักคำสอนของพุทธองค์เกี่ยวกับ 6 วิธีแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนสมานฉันท์มาใช้ในสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งยังนำมาปรับใช้ได้ ในครอบครัว ที่ทำงาน และสังคม 6 วิธีนั้นประกอบด้วย 1. ตระหนักว่าเราอยู่ร่วมในสิ่งแวดล้อมเดียวกัน ภายใต้หลังคาเดียวกัน ในสังฆะแห่งการปฏิบัติ หรือพุทธบริษัท 4 ดังที่เห็นในสังฆะของหมู่บ้าน พลัมซึ่งมีพระจากหลายชาติ แต่ทั้งหมดก็มีวิถีชีวิตร่วมกันได้ เพราะอยู่ใต้หลังคาแห่งอุดมคติเดียวกัน ในปัจจุบันคนไทยทุกคนล้วนอยากให้ประเทศมีความสงบสันติ สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนฐานไฟร้อน และอยากให้สถานการณ์สงบเร็วที่สุด นี่คือความหมายที่หนึ่งของการมีสิ่งแวดล้อมเดียวกัน ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน 2. แลกเปลี่ยนสิ่งของ สิ่งที่จำเป็นอย่างเท่าเทียมกัน ในการดำรงชีวิตอยู่เราจำเป็นต้องมีปัจจัยสี่ ในขณะที่มีความแตกต่างทางฐานะกันอยู่มาก เราจึงไม่ควรแบ่งแยกคนรวยและคนจน แต่มองว่าทุกคนเป็นสมาชิกของสังคม ทุกคนควรได้รับปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้มีชีวิตอยู่ได้ 3.
เขาจะนำความสุข สามัคคี กลมเกลียวมาสู่สังคมได้อย่างไร? พุทธองค์มีคำแนะนำให้กับเราเกี่ยวกับ 6 วิธีแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนสมานฉันท์ ซึ่งเราสามารถนำมาปรับใช้ได้ในครอบครัว ทำงาน สังคม และประเทศชาติของเรา 1.
งาน นวด พัทยา มี ที่พัก, 2024